วันเสาร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2556

SF : 98 Last รัก....หยดสุดท้าย II




ประโยคที่เหมือนกันทุกคำส่งผลให้หัวเล็กๆ ซุกลงกับหน้าอกหนาซ่อนรอยยิ้มเอาไว้  ความสุขแผ่ซ่านไปทั้งร่างกายก่อนจะผ่อนตัวให้อีกคนพาขึ้นชั้นสองไป

ยวบ...

ร่างเล็กที่ถูกวางลงบนที่นอนกว้างที่ไร้สีสันทำให้รอยยับที่เพิ่มมากขึ้น เมื่อคนที่ควรนอนนิ่งๆ  กลับกำผ้าปูแน่น   สายตาหลุกหลิกที่แสดงออกถึงความประหม่าอย่างชัดเจน นานแค่ไหนแล้วที่ที่พี่ทงเฮไม่ได้สัมผัสเขาจนรู้สึกตื่นเต้นแบบนี้.....

มือหนาเกลี่ยแก้มใสเบาๆ จับจ้องดวงหน้าที่เขินอายอย่างเป็นธรรมชาติ  แรงดึงดูดจากกลีบปากสีหวานทำให้ระยะห่างที่มีแคบลง...จนไร้ช่องว่าง  สัมผัสอ่อนโยนที่ค้อยๆแตะชิมเรียวปากเล็กทำให้ฮยอกแจไม่สามารถขัดขืนได้  เมื่อมันเป็นความสุขที่ตัวเองโหยหามานานเช่นกัน

กลีบปากที่บรรจงกดลงแนบกับเนื้ออ่อนที่กลิ่นกายฟุ้งหอม  ยิ่งเร้าให้ทงเฮจับจองแทบทุกตารางผิว

เนื้อผ้าที่บดบังเรือนร่างค่อยๆเปิดเผยเนื้อในออกทีละนิดจนเนื้อผ้าไนลอนตัวสวยที่อวดกายบางกระจัดกระจายไปทั่วพื้น 

 “อื้อ..”  เส้นเสียงที่เขาหลงลืมมันกลับขับกล่อมเขาตัวความน่ารัก ไม่ต่างจากกายที่บิดเร้าไปตามแรงอารมณ์  ความน่ารักที่ไม่ต้องปั้นแต่  ความอ่อนหวานที่ไม่ต้องเอ่ยขอแต่กลับมีให้เขาเสมอ

  ทงเฮผละกายออกมาใบหน้าที่เจือสีแดงเรื่อ  ดวงตาปรืออ่อน ริมฝีปากที่อ้าน้อยๆปลดปล่อยลมหายใจ

คนที่ละเลยฮยอกแจไปได้....มันโคตรจะโง่เลยสินะ

ความรักที่ซื่อสัตย์เพียงเขามาตลอด ความห่วงใยที่เคียงข้างกันมาเสมอทำไมเขาถึงไม่รู้จักพอ  พอ....และมีความสุขกับสิ่งที่มี  กลับไปเผลอไผลกับสิ่งที่ไม่เคยสัมผัส  ไปหลงผิดกับคนที่ไม่ได้อยู่กับเขาในวันที่อ่อนแอ

เรือนกายหนาที่ปลดเปลื้องอาภรณ์ตัวเองออกจนเปลือยเปล่าไม่ต่างกัน  ผลักดันให้ใบหน้าหวานต้องเสออกข้าง   หากจะบอกว่าไม่ชินก็ไม่แปลก  เมื่อกิจกรรมรักที่ร้างมานาน  แต่ที่ตื่นเต้นยิ่งกว่านั้น  คือสายตาของคนที่คร่อมอยู่ด้านบน  ฉุดรั้งให้ใจดวงน้อยแอบหวังไปไกล 

ถ้าทุกอย่างไม่สายไป.....ถ้าใจดวงนี้ยังพอมีเขาหลงเหลืออยู่  มันอาจจะกลับมาเต็มเหมือนเดิมได้ใช่ไหม?

คำถามที่ทำให้แขนเรียวเล็กยื่นออกไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ  จนคล้องเข้ากับลำคอของอีกคน  ทงเฮที่เห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้รั้งกายฝืนไว้  ได้แต่โน้มลงมาตามที่คนตัวเล็กต้องการ ด้วยอยากรู้.....

อยากรู้ว่าคนที่แสดงออกว่าขลาดเขินเช่นนี้จะทำอะไร

ทันทีที่ระยะห่างใกล้เข้ามาจนพอดี  กลีบปากเรียวเป็นกระจับก็แนบเข้ากับส่วนเดียวกันที่ของทงเฮ  สัมผัสเบาๆ นุ่มๆ ที่แสดงความออดอ้อนที่ไม่มากไม่น้อยเกินไป

“พี่ทงเฮ....”  เสียงเบาๆที่เอื้อนเอ่ยเรียกทำให้ดวงตาคู่คมเลิกขึ้นราวกับถามในคำเอ่ยขาน

“....กอด....ฮยอกนะ”

คำพูดแผ่วเบาที่มาพร้อมกับสายตาหวาดหวั่น  แม้เรือนร่างของเราจะเปลือยเปล่า  แต่คำพูดที่ราวกับเอ่ยขอยิ่งทำให้ทงเฮจุกจนพูดอะไรไม่ออก

หากเขาทำร้ายฮยอกแจด้วยความเฉยชามาตลอดเดือน  ตอนนี้เขาก็ไม่ต่างกัน  เพราะฮยอกแจกลับทำร้ายเขาด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ

คำพูดที่บอกว่าเข้าเลวเพียงใด

ทงเฮแนบกายลงสัมผัสป้อนทุกความรู้สึกที่เปี่ยมในตัวให้ด้วยความอ่อนโยน  แตะสัมผัสเนิบช้าจนคนตัวเล็กต้องแอ่นกายเข้าหา  ยอดอกเล็กที่ตึงชัน ถูกดูดกลืนซ้ำแล้วซ้ำเล่า พร้อมกับมือหน้าที่ฟอนเฟ้นไปทั่วกาย

 “อืมมม” 

ช่องทางรักถูกกดแทรกเข้ามาช้าๆ  ดวงหน้าที่ทรมานระคนสุขทำให้ทงเฮจ้องมองอย่างไม่อาจละสายตา  แล้วค่อยๆกดแทรกกายเข้าไปช้าๆ  รับสัมผัสที่กระชับให้เขาเป็นหนึ่งเดียว  ริมฝีปากที่ขบเม้มถูกอีกฝ่าบดคลึงช้าๆก่อนจะเพิ่มแรงลงไปยามที่ถอนกายออกแล้วกดซ้ำลงมาอีกครั้ง

จังหวะเข้าออกที่เนิบช้าค่อยๆเพิ่มความร้อนแรงยิ่งขึ้น เมื่อฮยอกแจเองก็ไม่สามารถหักห้ามความต้องการที่มีต่อคนที่รักได้

 “อื้อ...อ่าห์.....”

เรือนร่างที่แนบสนิทไปทุกอณูพร้อมกับเส้นเสียงบ่งบอกถึงอารมณ์ที่เคล้าคลอไปพร้อมกันจังหวะที่เร่งเร้าจนเตียงหนาสั่นไหวไปตามแรงถาโถมของกายหนา จวบจนทุกหยาดหยดของอารมณ์ได้ปลดปล่อยเข้าไปจนหมดสิ้น

ทงเฮทิ้งกายลงแนบด้วยความสึกอุ่นใจ  ความรู้สึกที่เป็นของกันและกันที่ไม่ใช่เพียงความต้องการทางร่างกายเพียงอย่างเดียว 

ร่างเล็กที่จมดิ่งเข้านิทราไปแล้วทำให้ทงเฮลุกขึ้นไปเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดล้างคราบรักตามร่างกายให้สบายตัวก่อนจะห่มผ้าแล้วแทรกกายเข้าไปด้วยกัน

แขนหนาเอื้อมไปกอดเอวบางไว้ด้วยความรู้สึกที่ไม่ต้องฝืน  อาจเป็นเพราะบทรักที่เพิ่งจบสิ้น  ทำให้ไม่รู้สึกแปลกๆที่ต้องสัมผัสกายกันแบบนี้  หรืออาจเป็นเพราะความรู้สึกที่เคยชินแล้วเมื่อตลอดทั้งวันเขาได้ใกล้ชิดกับฮยอกแจจนความรู้สึกเฉยชาที่มีได้มลายลงไป  ยิ่งคำรักที่แฝงไว้ด้วยความเจ็บปวดที่ละเมอขึ้นมาเบาๆ ยิ่งทำให้เขาตาสว่าง

“ฮยอกรักพี่.....”

หากจะบอกว่า  แม้จะเห็นหน้า  อยู่ด้วยกันทุกวัน....แต่ไม่ใส่ใจความรู้สึกกันก็ไม่ต่างจากคนแปลกหน้าที่รู้จักกันดี ความจริงข้อนี้คงไม่ต้องพิสูจน์


“พี่ขอโทษ.....ขอโทษจริงๆ”




ครบ 100% นะคะ  ^^  อย่าโกรธพี่ทงเฮเลยนะ  T^T


วันอาทิตย์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2556

SF : 98 [G] lo [V] e I

[G] lo[V]e  I
Title  : 98 G loVe
Couple : HaeEun
Detail  :  งานนี้ฮยอกเราเป็นนายเอกหนัง  หุหุ


        แสงไฟจำนวนมากที่สาดส่อง  ขับให้ภายในห้องมีแสงนวลตาราวกับเคลิ้มฝัน    ภาพจากหลังมอนิเตอร์ที่ให้อารมณ์ที่เย้ายวน  เงียบสงบ  หากแต่ความเป็นจริงกลับพรั่งพร้อมไปด้วยจำนวนกล้องมากมาย รวมถึงผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในทุกขั้นทุกตอน  ตากล้อง  คนจัดแสง  ผู้กำกับ  ทีมเขียนบท  และที่ขาดไม่ได้

            นักแสดงทั้งคู่

            เนื้อเรื่องที่ดำเนินจากห้องเรียนชั้นมัธยมปลายระหว่างนักเรียนชายเรือนร่างเล็ก บอบบาง  กับคุณครูหนุ่มร่างกายกำยำที่เดินเรื่องเรื่อยมายังจุดสุดท้ายของเรื่อง  จุดพีคที่เป็นสิ่งที่คนดูในวงการหนังเฉพาะรอคอย

            เสียงครวญครางเบาๆที่คล้ายกับว่าเป็นจุดเริ่มต้นในครั้งนี้  เสียงหวานที่บรรจงปลดปล่อยออกมาแผ่วเบาๆ แต่กลับดังก้องไปทั่ว  เสียงที่พรูออกมาพร้อมลมหายใจ  ริมฝีปากบางเผยอราวกลับยั่วยวนในทีไหนจะดวงตาคู่สวยที่พราวไปด้วยหยาดอารมณ์ที่พุ่งสูง

            ลีฮยอกแจ  ดาวเด่นในวงการที่คนดูต่างใคร่หาซื้อแผ่น  นักแสดงใคร่อยากร่วมแสดง ผู้ที่ว่าชายใดก็อยากจะลิ้มรสลองรักเพียงสักครั้ง  ลีลาที่โยกไหวพลิ้วไปตามความต้องการและปลุกเร้า 

            หากแต่นั่นเป็นเพียงการแสดง  เสียงครวญครางต่อหน้ากล้อง   เรือนร่างที่สั่นไหวดวงตาออดอ้อนเคล้ายั่วยวนที่จ้องมายังกล้องที่บันทึก  มันเป็นเพียงงานที่ตนเองต้องกระทำให้จบไปในแต่ละครั้ง  แม้บางคราร่างกายอาจจะมีอารมณ์ร่วม  แต่มันก็เป็นแค่การตอบสนองทางร่างกาย

            คนอย่างลีฮยอกแจที่เกิดมาไม่เคยคิดว่าชีวิตจะเดินมายังเส้นทางนี้  เส้นทางที่ใช้ร่างกายกายเป็นเครื่องมือทำมาหากิน  อาชีพที่ถูกสรรเสริญเพียงคนไม่กี่คน  แต่ถูกดูถูกเหยียดยามยิ่งกว่าสัจเดรัจฉานบางตัวจากกลุ่มคนโดยทั่วไป
            หากชีวิตไม่ผกผัน....เขาก็คงไม่มาอยู่ยังจุดนี้

            ผิวกายที่ถูกระดมจูบไปทั่ว  มือหยาบที่ลูบไล้ไปทั้งกาย  ความคุ้นชินทำให้ร่างกายตอบสนอง แต่ลึกๆ  เขากลับรังเกียจ  รังเกียจที่ตัวเองต้องมานอนให้ใครต่อใครได้สัมผัสร่างกายที่มันเคยหวัง...ว่าจะเป็นของคนที่เขารักเพียงคนเดียว

            ความเป็นมืออาชีพทำให้ฮยอกแจตอบสนองสัมผัสนั้นได้เป็นอย่างดี  ท่วงท่าและดวงตาที่หยาดเยิ้ม  ทำให้กล้องโฟกัสไปยังดวงหน้าที่สื่อถึงอารมณ์ที่ร้อนแรง  ใบหน้าหวานที่ซ่านแดงจากการปลุกเร้า

            ดวงตาเรียวปรือหยอกล้อ  เล่นกับกล้อง ราวกับคนที่สร้างความสุขสมให้กับร่างกายนี้คือคนที่จ้องมองเขาอยู่  ใครก็ตามที่จะได้ดูหนังแผ่นที่จะทำขายออกไปนี้   ดวงตาที่แม้แต่ตากล้องเองก็เผลอหลงใหลไปด้วยเช่นกัน

            ริมฝีปากมันวาวด้วยกลอสสีชมพูอ่อนสะท้อนกับแสงไฟที่อ้าออกปลดปล่อยเสียงหวานหูสำหรับผู้ได้ยิน  เรียวลิ้นมีแดงสดถูกยื่นออกมาไล้เลียริมฝีปากอย่างมีชั้นเชิง  ท่าทางที่ผู้กำกับและคนเขียนบทอดยิ้มกับความเป็นมืออาชีพของนักแสดงที่ทำเงินของค่ายไม่ได้  นักแสดงที่รู้ว่าตัวเองมีจุดเด่นตรงไหน  คนที่หมดหนทางดิ้นรนเมื่อครอบครัวได้จากไป

            ผู้กำกับสั่งให้ตากล้องต่างโฟกัสไปยังสัดส่วนที่น่าหลงใหลยามที่สะท้อนขึ้นลง  เขาอยากจะถ่ายทอดความน่าหลงใหล  ความดึงดูดในร่างกายของฮยอกแจยามต้องแสงไฟให้ผู้ชมได้รับรู้ คนที่เขาสร้างให้กลายเป็นดาวเด่นมาจนทุกวันนี้



...ลีฮยอกแจ.....นายเอก GV...



            ร่างกายที่ประสานเข้าหากันตามท่วงท่าที่แสนจะวาบหวิว  แรงโถมกายที่ฝ่ายรุกทำได้เพียงถาโถมกายเข้าไปด้วยลีลาที่มี  หวังเพียงตนอาจจะได้ก้าวขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งดาวเด่นฝ่ายรุกกับเขาบ้าง  เพราะนี่ก็เป็นโอกาสดีที่ตัวเองได้ก้าวขึ้นแสดงร่วมกับดาวที่ใครๆ ก็ต่างใคร่อยากที่จะได้สอดใส่เข้าไปในกายที่เย้ายวนเช่นนี้  มือหยาบด้านที่เคล้นคลึงนวดเฟ้นไปทั่วกายเพียงบางเบา  เพราะไม่อยากให้กายขาวได้รับร่องรอยใดๆ  ที่จะเป็นอุปสรรคต่อการถ่ายครั้งหน้า  กฎที่นักแสดงทุกคนต้องจำให้ขึ้นใจ

            แม้จะอยากกระทำกับร่างกายที่แสนสวยนี้เพียงใด  แต่มันก็ทำได้แค่ในสคริปเพียงเท่านั้น

            เพียงไม่นานนักร่างกายของฮยกแจก็เป็นอันต้องนอนนิ่งหอบหายใจรวยริน  ยามที่อีกฝ่ายถอนกายออก  รูดถุงยางที่กางกั้นยามสอดใส่ออก  แล้วปลดปล่อยน้ำขาวขุ่นออกมาจากแท่งเนื้อร้อนที่ตึงเครียดกระตุกปล่อยไปบนร่างกายขาวบาง

        กล้องที่ซูมไปยังคราบน้ำคาวที่เปรอะเปื้อนบนแผ่นท้องบาง  แล้วแพลนขึ้นไปยังใบหน้าหวานที่อ้าปากเผยอปล่อยลมหายใจราวกับเหนื่อยหอบ  แต่ดวงตากลับยิ้มอย่างมีความหมาย  สีหน้าที่เว้าวอนราวกับต้องการอะไรมาเติมเต็มอีกครั้ง  สีหน้าที่ไม่ว่าชายใดก็แทบกระโจนเข้าใส่

            ฮยอกแจพลิกตนเองขึ้นนั่งพิงพนักเตียงอย่างเชื่องช้า ท่าทางที่ตนเองรู้ดีว่าสามารถปลุกเร้าอารมณ์ผู้จ้องมองได้ ก้นกลมกลึงหันให้กับกล้องสอดส่ายช้าๆ  ให้ชายหนุ่มบนเตียงอยากจะสอดแทรกเข้าไปอีกครั้ง  สอดแทรกความความเป็นชายปลดปล่อยความกำหนัดนี้เข้าไปโดยปราศจากแผ่นพลาสติกบางที่ขวางกั้น   จ้องมองคราบขาวที่ไหลย้อนออกมาทางช่องทางสีหวาน

            ...แต่ก็ไม่สามารถ  เมื่อฮยอกแจประกาศก้องตั้งแต่ครั้งแรกว่าทุกครั้งที่ต้องร่วมสังวาส   การป้องกันจะต้องมีพร้อมเสมอ  ในเมื่อร่างกายนี้ที่หวงแหนต้องถูกกระทำจากชายที่ไม่ได้มีความสัมพันธ์กันก็มากเกินที่จิตใจจะปรับรับได้ทันแล้ว

            แม้ไม่รู้ว่าในอนาคตจะมีใครรักจริงพอที่จะมองข้ามอาชีพของตัวเอง  รักที่ไม่ได้จ้องมองเพียงร่างกายภายนอกไปได้บ้าง....แต่เขาก็อยากจะขอให้ทุกครั้งที่ต้องถูกสอดใส่เข้ามา  มีพลาสติกบางเป็นตัวกั้น  เผื่อว่าสักวันที่มีคนที่นักจริง เขาคนนั้นจะได้ยังพอเหลืออะไรที่แตกต่างจากคนที่เคยร่วมแสดงกับเขาบ้าง

            เเม้ร่างกายนี้จะเเปดเปื้อนไปด้วยชายมากหน้าหลายตา

            เเละถึงแม้....ความหวังนั้นจะริบหรี่ก็ตาม



.....[G] lo [V] e.....



กลับไปเม้นหน่อยน๊า
http://my.dek-d.com/mizz-may/writer/viewlongc.php?id=871400&chapter=68



วันอาทิตย์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2556

SF : 98 MORE FRIEND / MORE FIN XXII





            ผมทิ้งตัวลงทาบทับไปบานร่างกายที่บอบบางของมัน   เมื่อถึงปลายทางของอารมณ์  ทั้งๆที่มันเองก็เป็นผู้ชายเหมือนกันกับผม  แต่ไม่รู้ว่าทำไมมันถึงมีรูปร่างที่ดูน่าถะนุถนอมขนาดนี้   รูปร่างที่ในยามที่สวมเสื้อผ้าว่าตัวเล็กแค่ไหน  แต่ยามที่เรือนร่างมันเปลือยเปล่าเช่นเวลานี้ยิ่งบางมากกว่านั้น


            เสียงหอบหายใจปนครางเบาๆ ในตอนนี้ทำให้ผมไม่อยากจะหยุด  แต่ก็ต้องหักห้ามใจเพราะดวงตาใสที่เคลือบด้วยหยาดน้ำในคราแรกทำให้ผมไม่กล้าที่จะรุนแรงกับมันนัก 


             
            ครั้งแรก.....ผมไม่อยากจะให้มันบอบช้ำไปมากกว่านี้




            เพราะมันไม่รู้หรือว่ายังไงว่าผมอดกลั้นมานานแค่ไหน   เพราะในขณะที่ผมค่อยๆเป็นค่อยๆไป มันกลับเอ่ยขอด้วยท่าทางที่ยั่วยวนแบบนั้น.....

           
               

          “กู.......รักมึง”



            “.........”  มันรีบก้มหน้าลงซุกกับหมอนทันที  ทั้งๆที่มันเพิ่งจะเงยหน้าขึ้นมามองผมแท้ๆ



            “กูรักมึง...ฮยอกแจ” 
        


            “...พอ....แล้ว...”เสียงอู้อี้ๆ ของมันแทรกขึ้นมา  แล้วผมก็ต้องยกยิ้มขึ้นอย่างอดใจไม่ไหวกับคำพูดของมัน



            “กูเขิน...”



            มันจะรู้บ้างมั๊ยครับว่ามันทำให้ผมมีความสุขแค่ไหน



            ผมก้มลงจูบซับไปทั่วลำคอขาวด้านหลังมันเบาๆ หยอกเย้ากับอาการน่ารักนั้น  ผมรู้ว่ายิ่งผมทำแบบนี้มันยิ่งอาย   แต่ผมชอบเวลามันอาย   ที่สำคัญเดี๋ยวถ้ามันอายมากๆ  มันก็โวยวายเองนั่นแหละ



            “อื้ออออ”    เพียงแค่ผมย้ำปากลงไปซ้ำๆ เสียงครางของมันก็หลุดมา



            “มึง...หยุดคิดเลยนะ!!!!!!!!!!”  



            เฮ้อ.....



            เสียงฮยอกแจครับ  มันคงรู้สึกแล้วล่ะ  .... ก็จะอะไรซะอีกล่ะครับ  ถ้าไม่ใช่ทงเฮน้อยที่ไม่น้อยมันตื่นอีกแล้วเพราะเสียงเมื่อกี้นี่แหละ



            “มึงทำกูตื่นนะ”  ผมโทษมัน



            “มะ....มึง...มาไซ้กูเองนะ!”   มันรีบโวยวายเลย  และดูเหมือนว่ามันจะพยายามพลิกตัวให้ผมออกไปจากจากตัวมัน   แต่ด้วยรูปร่างที่ต่างกันขนาดนี้  แถมผมยังฝังร่างเข้าไปจนสุดขนาดนั้น 



            คงหลุดง่ายๆ  หรอกนะ



            “แล้วมึงครางทำไม”  ยอมรับว่ากวนตีน



            “สัด!  ทำไมมึงเป็นแบบนี้ว่ะ เชี่ย...อ๊ะ...อ๊าาาาา”



            ใจจริงก็ไม่ได้อยากจะต่อหรอกครับ  กลัวว่าพรุ่งนี้มันจะลุกไม่ไหว  แต่ผมตื่นแล้วนี่ล่ะสิ  ....



            ผมขยับตัวถอนแกนกายออกช้าๆ  แล้วก็กดลงไปเนิบๆ  จนเสียงหวานเริ่มขับกล่อมผมอีกครั้ง



            เสียวครับ...แค่เสียงมันก็ทำให้ผมปวดไปหมดแล้ว  ไหนภายในตัวมันที่บีบรัดผมอยู่อีก



            “ทง...เฮ”



            เสียงเรียกผมเบาๆ  แบบนี้ยิ่งทำให้ผมอยากจะโหมแรงลงไป  แต่อย่างที่บอกครับ  ต้องถนอมมันหน่อย  เดี๋ยวกลายเป็นว่ามันจะต้องมานอนซมทั้งวันแทนที่จะได้ไปเที่ยว



            แต่ใช่ว่าผมจะหยุดนะ....



            “หืม....”  ผมก้มลงไปขบเม้มหายใจรดรินใบหูมัน



            “พอ...อื้อ...กู...สะ...เสียว”  เสียงกระท่อนกระแท่นยิ่งทำให้ผมย่ามใจ



            “ก็กูทำให้มึงเสียวนี่”    คำพูดที่ถ้าเป็นปกติผมคงโดนมันฟาดใส่ไปแล้ว



            “สัด...อื้อ...กู..สะ..แสบด้วย”  ท่าจะจริงครับ   แต่ผมตื่นแล้วนี่ครับ



            “กูไม่ไหวแล้วนะ”  ไม่อยากทำให้มันเจ็บกว่านี้นะครับ แต่จะให้ผมช่วยตัวเองหรอ.....ทั้งๆที่มันอยู่กับผมแบบนี้



          “อื้อ....อ๊ะ...กูใช้มือให้ก็ได้...นะ..”



            แค่มันพูดมาแบบนั้นผมก็ยิ่งอยากจะฟัดมันแรงๆครับ   เพราะแค่มันพูดมาแบบนั้น จินตนาการผมก็ล้ำเลิศไปไกลแล้ว ที่สำคัญ....ถ้ามันทำให้ผมมากกว่าแค่มือล่ะ



            ผมส่งนิ้วเข้าไปในปากมันอีกครั้ง  การกระทำที่ไม่ปฏิเสธของมันยิ่งทำให้ผมขนลุกซู่



            “อืม....มึงไปหัดมาจากไหนวะ “  รู้ครับว่ามันไม่เคยหรอก  แต่ทุกทวงท่าทุกลีลามันทำผมจะตาย  เสียงดูดดุนนิ้วผมยิ่งทำให้ภาพในจินตนาการผมบรรเจิดไปไกล



            ถ้า....ไม่ใช่นิ้ว



            “มึง....อื้ออออ”



            “ใช้ปากมึงนะ”  ผมอยากจะเห็นใบหน้ามันยามที่ทำให้ผม  อยากเห็นกลีบปากแดงเรื่อที่ค่อยๆ กลืนกินผมไปทั้งตัว




            กึก....เรียวปากกับล้นเล็กที่ดุนนิ้วผมหยุดชะงักแทบจะทันทีที่สิ้นประโยคที่ผมเอ่ยไป  



            “ไม่งั้นกูกดมึงต่อ”  ผมเอาแต่ใจ.......ยอมรับ 



            “กู....ไม่เคย”   มันท้วงมา



            “กูรู้..เดี๋ยวกูสอน”  คือ...ยังไงมึงก็ต้องยอมกูแหละ 



            “สัด”



            “จะด่าอีกนานมั๊ย  กูได้กดมึงไปพลางๆ”ผมขยับตัวเข้าออกช้าๆ เร่งเร้าให้มันรีบเลือก



            “เออ!!!  ทำก็ได้  ไอ้ฟาย  กูอายตัวจะแตกแล้ว มึงยังจะอะไรนักหนา เดี๋ยวกูกัดขาดแม่ ง” 
           


            ผมรู้ครับ  แม้ว่าผมจะได้มันแล้ว  แต่มันก็ไม่ยอมลงให้ผมง่ายๆหรอก เอาเป็นว่าหวานบ้าง  ด่ากันหน่อยก็แล้วกัน

           

            ผมถอนกายออกช้าๆ  ไม่สนใจคำเหน็บแหนมของมัน  แล้วพลิกตัวลงมานอนด้านข้าง  มันค่อยๆลุกขึ้นนั่งช้าๆ ครับใบหน้ามันบิดเหยเกเล็กๆ  มันก้มหน้ามองที่นอน  ท่าทางเงอะๆงะๆ  เขินๆ อายๆ แบบนั้นยิ่งน่าแกล้งชะมัด  แถมมันไม่ยอมหันมามองหน้าผมเลยสักนิด



            กริ๊ก



            “วี๊ด....วิ้ว.....”



            “ไอ้ทงเฮ!!!!!!!!!!!



            “หึหึ”



            “เปิดไฟหาพ่องส์มึงหรอ  เชี่ย...”



            “สวยนะมึง”  ตัวบางๆ ของมันที่หดๆ ห่อๆ ตัวบางบังกลางลำตัวไว้  ผิวขาวๆ ที่สะท้อนแสงไฟพร้อมกับรอยแดงประปราย



            “สัด”  แก้มมันแดงเชียวครับ



            “มานี่มา” 



            ผมเอื้อมมือไปจับที่ข้อแขนมันแล้วกระตุกเบาๆ ให้มันขยับตัวตามมา  มันยึกยักเล็กน้อยครับ  สุดท้ายก็ต้องผ่อนกายตามแรงที่ผมดึง



            ผมขับตัวกึ่งนั่งกึ่งนอนเอนกายพิงหัวเตียงมองมันที่ต้องอ้าขาก้าวมาคร่อมผม   ไฟสว่างครับ....อะไรๆ  ก็เลยเห็นแบบกระจ่างเลย
           


            “มึงจะมองกูจนกูแตกเลยป้ะ”  มันเอาแต่มองครับ  ผมหน้าผม  มองซ้าย  มองขวา ก้มหน้า  แล้วก็มองผมอีก  คงไม่รู้จะทำตัวยังไงละมั้ง



            “เชี่ย...กูชอบมึงไปได้ยังไงวะ  เรื่องแบนี้มึงยังเอาแต่ใจกับกูอะ”  มันบ่นครับ  ถามว่าผมสะเทือนมั๊ย....



            ไม่!!!  สักนิด



            ผมจับมือมันมาจับที่แกนกายที่แข็งปวดอยู่ตอนนี้  มันทำท่าจะชักมือกลับแต่ก็ถูกผมยึดเอาไว้จนความนุ่มนิ่มของมือมันกำรอบไปตามความต้องการของผม  สายตาผมจ้องมองแก้มแดงๆของมันสลับกับมือที่ชักขึ้นลงตามจังหวะที่ผมบังคับ  แล้วจึงปล่อยมือออกเมื่อมันเริ่มจะขยับข้อมือด้วยตนเอง



            “อ่าห์....อืม...แบบนั้น”ถึงแม้ผมจะไม่ได้สอดกายเข้าไปในตัวมันอีก  แต่มือนุ่มๆของมันก็ทำให้ผมรู้สึกดีไม่น้อย



            สายตาผมจับจ้องไปทุกสัดส่วนมันในตอนนี้อย่างหลงใหล



            “ก้มลงมา” 



            มือมันที่ขัยบอยู่หยุดแทบจะทันที  ดวงตามันฉายแววลังเลครับ



            “ทงเฮ...มึง...”  มันช้อนสายตามองผมพร้อมเสียงเรียกเบาๆ  ดวงตากลมฉ่ำไปด้วยหยาดน้ำใสๆ  ที่ยิ่งเร้าให้ผมพุ่งพล่าน  มันคงไม่กล้าครับ



            “กูรักมึงนะ”



            มันเม้มปากแน่นก่อนจะคลายออก  มือมันเริ่มจะขยับต่อหลังจากหยุดชะงักไปเมื่อกี้  แล้วผมก็ต้องยิ้มพร่า  เมื่อมันก้มลงมันช้าๆ  พร้อมกับดวงตาที่ไม่ได้ละไปจากตาผม



            สายตามันฟ้องว่ามันยอมรับคำพูดผมหมดใจ



            “อื้ม.....ฮยอก”  ลิ้นเล็กที่แตะสัมผัสทำให้ผมหลุดครางออกมาอย่างไม่สามารถห้ามได้  ความชื้นแฉะจากเรียวลิ้นนั้นแม้จะกล้าๆ กลัวๆ แต่สุดท้ายผมก็รู้สึกถึงความอุ่นร้อนที่ครอบลงมาจากปากของมัน



            “”อึก...ฮึ่ม.....ฮยอก...ฮ่าห์” 



            “อื้มมมมม  จ๊วบ” 



            ไม่รู้ว่ามันกล้า  เลิกอายแล้วหรือกำลังสนุกกับของเล่นใหม่  จากที่มันค่อยๆ แตะชิมให้ผมลุ้นกลายเป็นว่าผมต้องกระตุกเกร็งไปทั้งกายกับปากและลิ้นของมัน



            ผมหรี่ตามองภาพตรงหน้าอย่างยากลำบาก    กลีบปากบางแดงเรื่อที่เคลือบไปด้วยน้ำลายที่มีแท่งเนื้อผลุบเข้าออกพร้อมดวงตาที่หลับพริ้ม



            ไม่คิดครับว่าฮยอกแจมันจะสวยขนาดนี้     ใบหน้ายามที่มันทำให้ผมนั้น  ทำให้ผมเผลอเอื้อมมือไปลูบแก้มมันเบาๆ  จนสายตาเราได้พบกัน



            มันหลบสายตาผมครับ  แม้ปากมันยังคงมอบความสุขให้ผมอย่างต่อเนื่อง  จนสุดท้ายไม่นานนักความอดกลั้นของผมก็ถึงขีดสุดอีกครั้ง 



            ร่างกายที่รู้สึกเบาโหวงพร้อมกับสิ่งที่ผมปลดปล่อยเข้าปากมันไปไปจนหมด



            “อ่าห์.......อืมมมมมมมมม”





บอกเเล้วว่าไม่มีอะไร  กลับไปอ่านต่อนะคะ ^^
http://my.dek-d.com/mizz-may/writer/viewlongc.php?id=871400&chapter=64